ธงฉาน เป็นนายตำรวจที่ถูกส่งตัวเข้ามาในหมู่บ้านหลังเขา เพื่อสืบเรื่องเส้นทางลำเลียงยาบ้านจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ประเทศไทย ธงฉานจึงมาพร้อมกับตำรวจหญิงอีกคนที่ชื่อสาวิตรี โดยแสร้งว่าเป็นสามีภรรยากัน และเข้ามาเป็นครูประชาบาลคนใหม่ของโรงเรียนประจำหมู่บ้าน

เมื่อเข้ามาถึงที่หมู่บ้าน ธงฉานได้ยินชื่อไอ้เที่ยง อยู่หลายครั้ง เขาเข้าใจว่าไอเที่ยงเป็นขาใหญ่ประจำหมู่บ้าน แต่แล้วเมื่อได้พบตัวจริงเข้าจึงได้รู้ว่าไอ้เที่ยงที่จริงแล้วเป็นเด็กสาวชื่อ ใกล้เที่ยง เป็นลูกสาวสัปเหร่อเที่ยง ซึ่งทำให้เกิดการสับสนมากเวลาเรียกชื่อ เพราะพ่อลูกชื่อเหมือนกัน ชาวบ้านจึงรู้กันว่า ถ้าจะเรียกลูกต้องเรียกว่าไอ้เที่ยง แต่ถ้าจะเรียกใช้งานสัปเหร่อผู้พ่อ ต้องเรียกว่าสัปเหร่อเที่ยง

ไอ้เที่ยงไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา แต่เป็นขาใหญ่ประจำหมู่บ้านจริงๆ เพราะนอกจากจะเป็นผู้ช่วยพ่อจัดการกับศพแล้ว มันยังมีอาชีพหลัก คือรับจัดงานมหรสพทุกประเภทในหมู่บ้านอีกด้วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าวงดนตรีลุกทุ่ง หมอลำ ลำตัด ลิเก ฉายหนัง วงสตริง ละครลิง หรือการแสดงประเภทใดๆ ก็ตามที่จะมาจัดที่หมู่บ้านหลังเขาแห่งนี้ จะต้องมีมันช่วยจัดการดูแลอำนวยความสะดวกทั้งสิ้น อีกทั้งมันยังคอยจัดหาหางเครื่องหรือตัวประกอบต่างๆ ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านนี่เอง คอยเสริมให้กับวงดนตรีและการแสดงทุกชนิดอีกด้วย โดยทุกครั้งมันจะอ้างว่าเพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่ชนบท แต่สิ่งที่ไอ้เที่ยงไม่เคยยอมทำเลย คือการเป็นนักร้องเสียเอง ทั้งๆ ที่มันมีความสามารถติชม คัดตัวนักร้องได้อย่างเชี่ยวชาญ ไม่ว่าใครจะคะยั้นคะยอยังไง ไอ้เที่ยงก็ให้เหตุผลเดียวว่า กลัวดัง ไอ้เที่ยงมีลูกน้องเป็นเด็กซ่าในหมู่บ้านราว 3-4 คนที่คอยช่วยเหลือกิจการของมันทุกอย่าง แต่ถ้าใครคิดจะจัดงานข้ามหัวมันไปละก็ เป็นอันรู้กันว่างานนั้นจะต้องล่ม เพราะจะถูกมือมืดเข้ามาป่วนงานจนพังเป็นแถบๆ จึงไม่มีใครกล้าทำ

หากว่างเว้นจากงานจัดมหรสพและจัดศพแล้ว ไอ้เที่ยงมันก็จะเปิดบ่อน ไฮโล โปถั่ว และป๊อกเด้งเป็นระยะๆ โดยไม่เคยมีตำรวจหน้าไหนจับมันทันได้สักครั้ง เพราะมันมีลูกสมุนคอยดูต้นทางให้เป็นอย่างดี สารวัตธนูก็ดูท่าว่าจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ กับกิจการนอกระบบของไอ้เที่ยง เพราะแท้จริงแล้วไอเที่ยงยังทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับสารวัตรตามจับพวกตัดไม้ ปล้นฆ่านั่งยาง ผู้ร้ายหลบหนีข้ามแดนอย่างลับๆ นั่นเอง แต่ไอ้เที่ยงก็มีคู่ปรับกับเขาเหมือนกัน คือ ไอ้โหน่ง ลูกชายผู้ใหญ่เหน่ง ซึ่งหมั่นไส้ไอ้เที่ยงที่ทำท่าว่าเก่งเกินหน้าผู้ชาย อีกทั้งนังน้อย น้องสาวไอ้โหน่งยังมีท่าทีไปหลงรักไอ้เที่ยงอีกต่างหาก เพราะคิดว่าไอ้เที่ยงเป็นทอมบอยที่เท่กว่าผู้ชายในหมู่บ้าน

นอกจากนี้ไอ้โหน่งก็มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักร้องลุกทุ่งกับเขาเหมือนกัน มันจึงบังคับให้ผู้ใหญ่เหน่ง ผู้เป็นพ่อจัดงานมหรสพ แข่งกับไอ้เที่ยงเพื่อที่มันจะได้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีทุกครั้งที่มีโอกาส ในหมู่บ้านนี้จึงมักมีคอนเสิร์ตที่จัดแข่งกันระหว่างไอ้เที่ยงกับไอ้โหน่งเกิดขึ้น โดยชาวบ้านไม่รู้เนื้อรู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนเมื่อมีการประชันกันเมื่อไหร่ นังน้อยก็ต้องวิ่งแล่นไปเชียร์ข้างเวทีของไอ้เที่ยงเมื่อนั้น

แต่ความรักของไอ้น้อยก็ต้องมีอุปสรรค เพราะไอ้เที่ยงมันจะมาดแมนขนาดไหน แต่ในหัวใจมันก็ยังเป็นหญิง อีกทั้งยังมีไอ้ยิ่งยงซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ใหญ่บ้านใกล้เรือนเคียงที่หลงรักไอ้เที่ยงอยู่ คอยขัดขวางนังน้อยไม่ให้ยุ่งกับไอ้เที่ยง

การมาทำงานลับของธงฉานและสาวิตรีครั้งนี้ มีสารวัตรธนูรู้อยู่คนเดียว ก็เพื่อความปลอดภัยของธงฉานและสาวิตรีเอง ซึ่งสารวัตรธนูบอกกับธงฉานว่า ถ้าอยากรู้อะไรก็ให้คอยถามเอาความจากไอ้เที่ยงนี่แหละ เพราะมันจะรู้ความเป็นไปของใครต่อใครในหมู่บ้านเป็นอย่างดี ธงฉานจึงเข้ามาตีสนิทกับไอ้เที่ยงด้วยเหตุผลนี้

แต่เมื่อไอ้เที่ยงได้เจอกับธงฉาน มันก็เกิดรู้สึกว่าธงฉานไม่ใช่ครูประชาบาลจริง อย่างที่เขาบอกกับใครๆ ด้วยความสงสัยมันจึงไปแอบดูธงฉานที่บ้านพักครูแล้ว มันพบว่าธงฉานกับเมียหรือครูสาวิตรีไม่มีทีท่าเหมือนผัวเมียทั่วไป ไอ้เที่ยงเลยสรุปเอาเองว่าธงฉานกับสาวิตรีที่แท้เป็นพวกที่เข้ามาล่อซื้อเด็กสาวๆ ตามชนบทไปค้าประเวณีในเมือง โดยเฉพาะตัวมันเองก็คงจะเป็นเป้าหมายหนึ่งของธงฉานและสาวิตรีเหมือนกัน เพราะมันหน้าตาสวยและเสียงดี ธงฉานจึงเข้ามาตีสนิทกับมันเหลือเกิน ไอ้เที่ยงจึงเอาความนี้ไปบอกสารวัตรธนู แต่สารวัตรธนูทำท่าว่าไม่เชื่อ มันจึงคิดจะหาทางพิสูจน์ว่าธงฉานกับสาวิตรีเป็นคนร้ายมากกว่าคนดี

การติดตามธงฉานเพื่อเปิดโปงฐานะที่แท้จริงของเขานั้นทำให้ธงฉานสืบเรื่องเส้นทางลำเลียงยาบ้าได้ลำบากมาก เพราะมักจะมีไอ้เที่ยงโผล่เข้ามาทำเรื่องเสียทุกครั้ง ธงฉานจึงพยายามหลบเลี่ยงไม่เจอกับไอ้เที่ยงซะ แต่ยิ่งหลบ ไอ้เที่ยงก็ยิ่งเข้าใจว่าธงฉานกลัวความลับจะแตก ไอ้เที่ยงจึงยิ่งสะกดรอยตามธงฉานมากขึ้น หวังจะกระชากหน้ากากของธงฉานให้ได้เร็ววัน

จนกระทั่งวันหนึ่ง ธงฉานกับสาวิตรีย่องเข้าไปในป่าเพื่อแอบดูพวกค้ายาบ้า ไอ้เที่ยงก็โผล่เข้ามาทำเสียงดัง จนพวกค้ายาบ้ารู้ตัว พวกค้ายาบ้าจึงออกล่าตัวธงฉาน สาวิตรีและไอ้เที่ยง ทำให้ทั้งสามหลงเข้าไปในป่าลึก และสาวิตรีติดไข้ป่าจนไม่ได้สติ ทำให้การหนีของทั้ง 3 เป็นไปได้อย่างลำบากยิ่ง

ในสถานการณ์นี้เองทำให้ไอ้เที่ยงรู้ว่าที่แท้มันเข้าใจธงฉานผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะมันที่ทำให้ทุกคนต้องอยู่ในสภาวะวิกฤตเช่นนี้ เมื่อมันจะเอ่ยปากขอโทษธงฉาน พวกค้ายาบ้าก็ไล่ล่ามาใกล้ตัวเต็มที ธงฉานเห็นว่าคงจะหนีไปด้วยกันไม่รอดทั้งหมด เพราะสาวิตรีป่วยหนัก ธงฉานจึงบอกให้ไอ้เที่ยงพยายามหาทางหนีหลบไปที่หมู่บ้านคนเดียว และให้แจ้งเรื่องนี้กับสารวัตรธนู แต่ไอ้เที่ยงก็ไม่อยากทิ้งธงฉานกับสาวิตรไว้เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตราย ธงฉานจึงบอกว่าถ้าถูกฆ่าหมกป่าพร้อมกันทั้ง 3 คน ก็จะไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรเลย กับการรอดไปคนหนึ่งแล้วไปพาเจ้าหน้าที่ปราบปรามเข้ามาทลายขบวนการค้ายาบ้าได้ย่อมดีกว่า ทำให้ไอ้เที่ยงยอมละจากธงฉานและสาวิตรีไปทั้งน้ำตา ซึ่งเป็นการหลั่งน้ำตาครั้งเดียวในชีวิตของมันที่ยอมให้คนเห็น

ไอ้เที่ยงหนีรอดจากป่ามาด้วยสภาพสะบักสะบอมและแจ้งเรื่องกับสารวัตรธนู และมันยังเป็นผู้อาสาเป็นผู้นำทางสารวัตรธนูกับเจ้าหน้าที่ปราบปรามกลับเข้าไปในป่า เพื่อตามหาธงฉานและสาวิตรีอีกด้วย แม้สารวัตรธนูจะห้ามปรามว่าเรื่องนี้อันตรายร้ายแรงเกินกว่าที่ผู้หญิงอย่างมันจะรับมือไหว แต่ไอ้เที่ยงก็ไม่ยอมฟัง และมันบอกว่าเป็นคนเดียวที่รู้ว่าธงฉานกับสาวิตรีติดค้างอยู่ป่าบริเวณใด สารวัตรธนูจึงต้องยอมให้ไอ้เที่ยงนำทางกลับเข้าไปในป่า โดยมีไอ้ยิ่งยง และไอ้โหน่งอาสาตามไปด้วยอีกแรง

การเข้าไปช่วยเหลือธงฉานครั้งนี้ทำให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ปราบปรามก็กระทำวิสามัญพวกขบวนการค้ายาบ้าได้ทั้งหมด แต่ไอ้เที่ยงก็ถูกยิงบาดเจ็บเพราะเข้าไปช่วยธงฉานและสาวิตรีในจังหวะที่ทั้งสองจะถูกพวกค้ายายิง

ไอ้เที่ยงและสาวิตรีและคนอื่นๆ ที่ถูกยิงบาดเจ็บถูกหามออกจากป่าอย่างรีบร้อนโดยมีไอ้ยิ่งยงร้องไห้ตามร่างไร้สติของไอ้เที่ยงไปจนถึงโรงพยาบาล และเมื่อนังน้อยรู้เรื่องเข้าก็รีบมาเยี่ยมไอ้เที่ยง นังน้อยกับไอ้ยิ่งยงจึงทะเลาะตบตีแย่งเป็นเจ้าของไข้ไอ้เที่ยง โดยไม่สนใจไอ้โหน่งที่ถูกยิงบาดเจ็บมาเช่นกัน แต่คนที่ได้เป็นเจ้าของไข้ไอ้เที่ยงคือธงฉานนั่นเอง

ธงฉานบอกว่าจะขอดูแลรักษาไอ้เที่ยงอย่างดีที่สุดให้สมกับความดีที่มันเสี่ยงชีวิตช่วยเขากับสาวิตรีเอาไว้ แต่ไอ้เที่ยงกลับเข้าใจผิดคิดว่าธงฉานดีกับมันเพราะมันช่วยเขากับเมีย ซึ่งก็คือสาวิตรี แต่ไม่ใช่เพราะธงฉานรักมันอย่างที่มันแอบรักธงฉาน ในที่สุดไอ้เที่ยงจึงแอบหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วหายตัวไปทุกคนในหมู่บ้านวุ่นวายมากเมื่อรู้ว่าไอ้เที่ยงหายตัวไป จึงออกตามหาแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ เพราะไอ้เที่ยงไปหลบอยู่ในป่าช้าที่มันคุ้นเคย และรู้ว่าเป็นที่ที่ไม่มีใครกล้าตามเข้ามาหามันเป็นอันขาด มีคนๆ เดียวที่รู้ว่าไอ้เที่ยงหลบมาอยู่ที่นี่คือ สัปเหร่อเที่ยงพ่อของมันนั่นเอง

สารวัตรธนูก็รู้ว่าธงฉานเองก็แอบหลงรักเที่ยงอยู่เหมือนกัน จึงออกอุบายว่าทำทีเป็นจัดงานเลี้ยงอำลาธงฉานกับสาวิตรีกลับกรุงเทพฯ เพราะธงฉานลาออกจากการเป็นครูประชาบาลแล้ว เพราะสาวิตรีท้อง

สัปเหร่อเที่ยงเอาข่าวนี้ไปบอกไอ้เที่ยง ทำให้ให้ไอ้เที่ยงคิดจะแอบมางานเลี้ยงเพื่อมาดูหน้าธงฉานเป็นครั้งสุดท้าย แต่ปรากฎว่าเมื่อมันแอบเข้ามาในงานมันก็ถูกสารวัตรธนูกับสัปเหร่อเที่ยงช่วยกันจับตัวขึ้นเวที และบนเวทีนั้นเอง มันก็ถูกธงฉานถามตรงๆ ว่ามันรักเขาหรือเปล่า ไอ้เที่ยงเอ็ดตะโรว่าธงฉานมีเมียอยู่แล้วทำอย่างนี้ได้ไง ธงฉานจึงเฉลยว่าสาวิตรีนั้นแท้จริงแล้วเป็นแค่เพื่อร่วมงานของเขาเท่านั้น ส่วนลูกที่อยู่ในท้องสาวิตรีนั้น ขอให้คนเป็นพ่อออกมายอมรับเอง นาทีนั้นไอ้โหน่งจึงออกมาปรากฎตัวยอมรับว่าเป็นพ่อของลูกในท้องสาวิตรี

ธงฉานถามซ้ำอีกครั้งว่า เมื่อรู้ความจริงอย่างนี้แล้ว ไอ้เที่ยงยอมรับว่ารักเขาหรือไม่ ไอ้เที่ยงเอียงอายไม่ยอมพูด ธงฉานจึงแกล้งร้องเพลงหลอกล่อ ให้ไอ้เที่ยงพูดคำว่ารักออกมาจนได้ งานเลี้ยงอำลาจึงกลายเป็นงานแต่งงานระหว่างเขากับไอ้เที่ยง และไอ้โหน่งกับสาวิตรีไป ไอ้ยิ่งยง กับนังน้อยร้องไห้โฮแล้วโผเข้ากอดกัน เพราะต่างก็เสียไอ้เที่ยงให้กับธงฉานไปด้วยกันทั้งคู่ และแล้ว คนอกหักก็เข้าใจคนอกหักด้วยกัน

แล้ว "หมู่บ้านหลังเขา" แห่งนี้จึงถูกชาวบ้านเรียกใหม่ว่า "หมู่บ้านใกล้เที่ยง"