ณ หาดทรายขาว…
ทันทีที่แสงสีทองจับผิวน้ำทะเล กิจกรรมยามเช้าริมหาดเกิดขึ้นมากมาย พนักงานเข้ามากวาดถนน แม่ค้าเข็นรถข้าวแกงเข้ามาจอด พ่อค้าจัดแจงออกร้านขายเครื่องดื่ม พวกปิ้งๆย่างๆ ก็ติดเตาก่อไฟ ห่วงยางถูกโยนกองไว้ริมหาด เด็กร่างผอมแกร็นลากเก้าอี้ผ้าใบมาจัดไว้ใต้ร่มใหญ่สีสันสดใส…สายขึ้นมาอีกหน่อย ก็จะเห็นร้านขายเสื้อผ้า ผลไม้ ของใช้ ไอศกรีม เครื่องประดับ และของที่ระลึกตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว…พอน้ำทะเลอุ่นๆ กิจกรรมทางน้ำอันตื่นเต้นทั้งสกูตเตอร์ เจ็ทสกี เรือเร็วและบานาน่าโบ้ทก็ออกวาดลวดลายล่อใจนักท่องเที่ยวที่ชอบความสนุกสนานท้าทาย…ยิ่งช่วงกลางวันถึงเย็นผู้คนก็จะคราคร่ำไปทั่วชายหาด ตั้งวงสรวญเสเฮฮา เล่นน้ำโต้คลื่นกันอย่างคึกคัก เด็กๆก็จะเล่นทรายวิ่งไล่จับปูลมกันอย่างสนุกสมวัย…ช่างเป็นบรรยากาศที่แสนเพลินตาเพลินใจเสียจริงๆ

เช้าวันนี้ "หน่อย" สาวน้อยรูปร่างปราดเปรียวในชุดว่ายน้ำสวยเก๋สะดุดตา ท่อนล่างมีกางเกงขาสั้นกุดสวมทับ เผยให้เห็นเรียวขาอันสวยงามได้ช่วง…ผิวสีแทนบนเนื้อกายบ่งบอกว่าเธอไม่ยี่หระกับแสงแดด และสายลมที่เผชิญอยู่เลย หน่อย นิดน้องชาย และลุงแกละเพื่อนรุ่นพี่ของพ่อช่วยกันลากเจ็ทสกีลงไปที่ชายหาดเพื่อรอรับการเช่าเล่นจากนักท่องเที่ยว โดยมีเสียงเย้วๆ ของนุ้ยน้องสาวคนสุดท้องเชียร์ให้ทุกคนช่วยกันออกแรง พอจัดการกับเจ็ทสกี และเรือเสร็จ นุ้ยก็เอาป้ายราคาค่าเช่าไปปักเอาไว้

แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง "แม่แจ่ม แม่ผ่อง และแม่ใหม่" คือชื่อเจ็ทสกีทั้งสามลำสามแบบที่ "สำลี"และ "น้ำ" พ่อแม่ของหน่อยช่วยกันผ่อนซื้อมาไว้ให้หารายได้พิเศษ เพราะลำพังเพียงเงินเดือนตำรวจชั้นผู้น้อย และรายได้จากส่วนแบ่งหุ้นส่วนร้านอาหารที่น้ำหุ้นกับเพื่อนนั้น คงไม่พอเพียงสำหรับรายจ่ายในครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน

ที่สำคัญ นิด และนุ้ยก็ยังเรียนหนังสือ แม้จะคลุกคลีกับเจ็ทสกีมานาน แต่หน่อยก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นหนุ่มน้อยเล่นเจ็ทสกีอย่างผาดโผน ลีลาควบเจ็ทสกีแบบนี้มันทำให้เธอนึกถึงชายหนุ่มคมเข้มคนหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว เขามาเช่าเจ็ทสกี แล้วขับออกไปอย่างคึกคะนอง ความประมาททำให้เจ็ทสกีพลิกคว่ำ หน่อยรีบว่ายน้ำเข้าไปช่วยเขา เพราะเห็นเขาจมน้ำหายไปนาน แต่พอไปถึงตัวเขากลับโผล่ขึ้นมาหัวเราะร่า ต่อว่าเธอว่ากลัวไม่เข้าเรื่อง ผู้ชายบ้าบิ่นอย่างเขาไม่มีวันจมน้ำง่ายๆ หน่อยรีบผละจากชายหนุ่มก่อนที่จะมีปากเสียงกัน…นึกถึงหน้ากวนๆ ของนายคนนี้ขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้ ลุงแกละแวะทักทาย "ป้าบุญช่วย" หมอนวดแผนโบราณตาบอดตาใส ต้องใส่แว่นดำอำพราง ป้าแกเป็นมือนวดอันดับหนึ่ง ยึดหัวหาดนี้ทำมาหากินมาหลายปีแล้ว ลุงแกละกระเซ้าเย้าแหย่ป้าบุญช่วยอย่างคนกันเอง ทำนองว่า นวดให้คนอื่นมาเยอะแล้ว ก็พักๆมั่งเถอะ ลุงจะนวดให้เอาไหม ป้าแกค้อนตาคว่ำ ต่อปากต่อคำ ไล่ตะเพิด…เห็นป้าแกโกรธ ลุงก็รู้สึกสบายใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมาตั้งเยอะ

"…เอ้า ครึ่งหัว…เต็มหัว…ลูกปัด…หนังยางจ๊ะ" เสียงตะโกนเจื้อยแจ้วของแม่แต๋ว ช่างผมริมหาดที่มีคาถาดึงดูดลูกค้า ทำให้ลุงแกละอดที่จะเข้ามาทักทายไม่ได้ กระเซ้าได้นิดเดียว ลุงแกละก็ถูกแม่แต๋วเบรกจนหัวทิ่ม จ้ำอ้าวๆ กลับไปทำงานที่บ้านทันที

หน่อยนั่งคิดอะไรเพลินๆได้พักเดียว เธอก็ต้องต้อนรับครอบครัวชาวอเมริกันที่ลูกชายวัยรุ่นอยากเล่นเจ็ทสกี ลูกสาวเข้าไปนั่งให้แม่แต๋วถักเปียร้อยลูกปัดหลากสี ส่วนแม่ก็นอนให้ป้าบุญช่วยนวดอย่างสบายอกสบายใจ…

ที่กรุงเทพฯ…"เอ้ เล็ก ตึ๋ง" สองครีเอทีฟกับหนึ่งโปรดิวเซอร์กำลังถูกไมเกรนเล่นงานจนหัวแทบระเบิด เงินเดือนอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับปริมาณงานนั้นไม่ค่อยเท่าไหร่ ไอ้ที่กำลังปวดหัวอยู่นี่ก็เพราะว่าเจ้านายอารมณ์ขึ้นๆลงๆ กินยาไม่ได้เขย่าขวด ก่นด่าไม่ปราณี ให้ทำงานโฆษณาโปรเจคใหญ่ แต่ให้ตายเถอะงบประมาณน้อยนิดเท่าสารคดี 1 นาที…เอ้ออกความเห็นว่าพวกเราควรจะเอาความเครียดไปทิ้งทะเล พักผ่อนกันให้สนุก แล้วค่อยหาทางจัดการกับงานใหญ่แต่เงินน้อยของเจ้านายไร้ความเมตตา

ร้าน "จานเดียวอยู่" ร้านอาหารที่มีสามสาวสวยวัยกลางคนเป็นหุ้นส่วนกัน "มอลลี่" อดีตนางแบบผู้สวยเก๋ ปราดเปรียว เป็นหม้าย มีลูกน้อยเป็นสุนัขตัวโตที่แสนฉลาด…หุ้นส่วนที่สองก็คือ "น้ำ" แม่ของหน่อย อดีตหัวหน้าแม่บ้านที่ดูแลทำความสะอาดคอนโด และหุ้นส่วนสุดทท้ายก็คือ "จี๊ด" สาวร่างเล็ก เจ้าความคิด ฉลาดคล่องตัว เธอมีสามีเป็นนักบิน นานๆจะกลับบ้านสักที…มอลลี น้ำ และจี๊ดมักจะมีพฤติกรรมแปลกๆให้คนอื่นได้สงสัยอยู่เสมอ อย่างเช่น จี๊ดสามารถใช้เชือกเป็นอาวุธต่อสู้กับพวกจิ๊กโก๋ที่มารังแกหลานสาวเธอ มอลลี่ก็ขว้างมีด ปาเป้าได้อย่างแม่นยำ หรือแม้แต่น้ำที่ดูบอบบางแต่ขับเจ็ทสกีได้เร็วกว่าผู้ชายอกสามศอก…ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น…ก็เพราะมอลลี่ น้ำและจี๊ดผ่านการฝึกศิลปะป้องกันตัวมาเป็นอย่างดี สามสาวทำงานให้หน่วยปราบยาเสพติดอย่างลับๆ ร่วมกับสำลีสามีของน้ำ จนได้ฉายาว่า "SAMLEE ANGLE" หรือ "นางฟ้าของสำลี" นั่นเอง

เอ้ เล็ก และตึ๋งบุกมาที่ร้านจานเดียวอยู่อย่างคุ้นเคย บรรดาน้าๆ เจ้าของร้านอดแปลกใจไม่ได้ที่เที่ยวนี้เห็นทั้งสามคนหน้าตาบูดบึ้ง หนึ่งหญิงสองชายสหายรักต่างก็บ่นให้พวกน้าๆฟังเป็นกระบุงโกย น้าน้ำก็ได้แต่ปล่อยให้ใจเย็นๆ อดทนทำงานไปก่อน เพราะสมัยนี้งานมันหายาก ฝ่ายน้าจี๊ดเจ้าความคิดแนะนำให้สามสหายไปติดต่อเรือเพื่อดูโลเกชั่นรอบๆเกาะ เพราะงานโฆษณาที่ทั้งสามจะถ่ายทำนั้น เป็นโฆษณาที่ต้องดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวทะเลไทย อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบสดใส สนุกสนานเฮฮา

ที่บริษัท "SEA WORLD" บริเวณท่าเรือส่วนตัว… "โอม" ชายหนุ่มคมเข้มเจ้าของกิจการรับจัดทัวร์ดำน้ำกำลังเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้ลูกน้องยกขึ้นเรือ เพื่อพาลูกทัวร์ไปดำน้ำ โอมต้อนรับขับสู้เอ้ เล็ก และตึ๋งเป็นอย่างดี พอรู้ว่าทั้งสามจะไปดูโลเกชั่นที่เกาะ เขาก็อาสาพาไปอย่างเต็มอกเต็มใจ…เสร็จสิ้นจากการดูโลเกชั่น เล็กก็เอ่ยปากชวนโอม และลูกน้องทั้งดำและจ้อยไปเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นกันเอง

บรรยากาศยามเย็นที่ร้านจานเดียวอยู่ของน้ามอลลี่ดูจะคึกคักอยู่ไม่น้อย ทั้งขาจรขาประจำต่างติดอกติดใจทะเลเผาจานเดียวอยู่ที่เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสแซ่บ "โน่" พี่ชายของหน่อยทำหน้าที่พ่อครัว ส่วนหน่อยและน้องๆก็ช่วยกันเสิร์ฟอย่างแข็งขัน ลุงแกละและสำลีเข้าโต๊ะนั้นออกโต๊ะนี้ ต้อนรับลูกค้าแทบจะเมาหัวทิ่ม…

ป้าบุญช่วยโทรเลขด่วนไปหา "บุญหลาย" น้องชายคนเดียวที่กำลังนั่งเช็ดน้ำตา เฝ้านาแล้งบนที่ราบสูง บุญช่วยอยากให้บุญหลายมาช่วยทำงาน เพราะกิจการนวดริมหาดของป้าแกดีเหลือเกิน นวดจนมือเป็นระวิงแทบทุกวัน…บุญหลายมาอยู่กับพี่สาวได้พักเดียว เขาก็สนิทสนมกับลุงแกละ และผู้คนในละแวกนั้นได้อย่างรวดเร็ว ก็ด้วยนิสัยซื่อๆ มีน้ำใจไมตรีของเขานั่นเอง

เอ้ เล็ก และตึ๋งเตรียมงานถ่ายโฆษณากันอย่างแข็งขัน โดยมีหมู่มิตรริมหาดขันอาสาเป็นนักแสดงจำเป็น ไม่รับค่าตัว เพราะเห็นใจที่ทุนน้อย…หน่อยถูกเลือกให้เป็นนางเอก เธอจึงต้องไปเรียนดำน้ำกับโอม แต่ก็ถูกโอแกล้งต่างๆนานา อย่างเช่น ให้หน่อยใส่ตีนกบวิ่งรอบสระน้ำ ให้ทำอะไรที่ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการฝึกดำน้ำสักนิด จนกระทั่งหน่อยรู้ทัน ถึงกับยื่นคำขาดว่า หากโอมไม่สอนดีๆ เธอก็จะไปเรียนดำน้ำกับพ่อแม่ซินดี้ที่พัทยา โอมเห็นหน่อยเอาจริงก็เลยยอมสอนแต่โดยดี ทั้งคู่เริ่มสนิทสนมกันอย่างไม่รู้ตัว

วันถ่ายโฆษณา เอ้ เล็ก และตึ๋งต่างก็ปวดหัวกับนักแสดงจำเป็นเหลือเกิน แต่ละคนแสดงแบบแย่งกันเกิด โอเวอร์สุดฤทธิ์ สามสหายแอบโกรธอยู่พักใหญ่ แต่แล้วก็ต้องทำใจเพราะพวกเขาไม่ใช่นักแสดงอาชีพ ต้องให้เวลากันบ้าง…ถ่ายทำกันหลายวันกว่างานจะเสร็จ…เมื่อสามสหายเอางานเสนอเจ้านาย ก็ได้รับคำชมเชยยกใหญ่ เจ้านายชอบที่งานออกมาดี ไม่เหมือนใคร เจ้านายก็เลยมอบหมายงานใหม่ให้เป็นรางวัล งานใหญ่ๆ ทุนน้อยๆ เหมือนเดิม (อีกแล้ว)

สังคมริมหาดเริ่มปั่นป่วน นักท่องเที่ยวบางตาลง…คงเป็นเพราะมีข่าวนักท่องเที่ยวจมน้ำ…อาชญากรรม…น้ำทะเลเน่าเสีย…หรือแม้แต่การระบาดของยาบ้า กัญชา และยาเสพติด

มอลลี่ น้ำ และจี๊ดเริ่มวางแผนปราบยาเสพติด สามสาวสั่งให้แก่นคอยสืบเรื่องนี้จนพบแหล่งค้ายา แล้วก็ลุยกันจนได้เห็นพฤติกรรมแปลกๆของการซื้อขายยาเสพติด…ไม่นานนักก็สืบสาวจนถึงต้นตอ จับนักค้ายาเข้าตะรางได้สำเร็จ

ฝ่ายโอม และหน่อยก็ช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำทะเลเน่าเสีย ทั้งคู่สืบกันจนรู้ต้นตอที่มาของแหล่งปล่อยน้ำเสียลงทะเล ซึ่งก็คือโรงแรมใกล้ๆ ที่มักง่าย ไม่สร้างบ่อบำบัด จึงต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายไปตามระเบียบ

สำลี ลุงแกละ และคนอื่นๆก็ไม่ได้อยู่เฉย พวกเขาช่วยกันสอดส่อง คอยปราบพวกมิจฉาชีพที่มาก่อกวนนักท่องเที่ยวจนราบคาบ…

ความสงบสุข อบอุ่น รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกลับคืนมาสู่ชายหาดแห่งนี้อีกครั้ง…

ที่บริษัทโฆษณา เอ้ เล็ก และตึ๋งส่งงานชิ้นสุดท้ายให้เจ้านายอย่างเหลืออด เจ้านายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แสนจะดีใจที่ลูกน้องทำงานใหญ่ ใช้ทุนเพียงน้อยนิด แถมเงินเดือนก็ไม่ต้องขึ้นให้ เพราะมีข้ออ้างว่าเศรษฐกิจไม่ดี นายทุนหน้าเลือดได้ใจเตรียมมอบหมายงานใหม่ให้อีก แต่สามสหายรู้ทันกระแทกใบลาออกลงบนโต๊ะทันทีก่อนที่เจ้านายจะหันไปหยิบงานมายื่นให้…พอกันทีกับเจ้านายมหาโหด หน่อยมาหาโอมที่ท่าเรือ เพราะทั้งคู่นัดกันไว้ว่าจะไปเที่ยวเกาะ สำรวจสภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อเริ่มงานอนุรักษ์ แต่ก็ไม่พบหน้าโอม หนึ่งหน้าละห้อยยื่นจดหมายที่โอมฝากไว้ให้ ในเนื้อความจดหมายบอกว่า "คุณพิทักษ์" พ่อของโอมป่วยมาก โอมต้องกลับไปเยี่ยม และช่วยงานที่บริษัทของพ่อ หน่อยรู้สึกใจหาย ไม่รู้เหมือนกันว่าโอมดูแลธุรกิจต่อจากคุณพิทักษ์

เอ้ เล็ก และตึ๋งเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า สามสหายตะกายมาพักพิงที่ชายหาดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกคนไม่มีกำหนดวันกลับ เพราะเบื่องานที่กรุงเทพฯ เป็นที่สุดแล้ว…เล็กนั่งเงียบ นิ่งสนิทเหมือนรูปปั้นไปค่อนวัน แล้วเขาก็บอกกับเพื่อนๆว่า เขาจะไม่กลับไปทำงานที่กรุงเทพฯอีกแล้ว เขาจะขอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่…ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผนว่าจะทำงานอะไรกันดี

วรรณภากล่อมโอมให้ดูแลธุรกิจของคุณพิทักษ์ไม่สำเร็จ คุณพิทักษ์โกรธอยู่พักใหญ่ โอมพาแม่และพ่อที่กำลังป่วยด้วยโรคเครียด ทั้งเรื่องงาน และเรื่องที่บังคับเขาไม่ได้ไปพักผ่อนที่ชายทะเล ทีแรกคุณพิทักษ์ก็มึนตึง ไม่ใส่ใจสิ่งที่โอมตั้งใจสร้างขึ้นมา แต่พออยู่ไปสักพัก ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้สูดอากาศดีๆ ได้คลุกคลีอย่างเป็นกันเองกับคนริมหาด อาการของคุณพิทักษ์ก็ดีขึ้น

โอมบอกกับพ่อว่า ยังไงๆเขาก็รับช่วงธุรกิจต่อจากพ่อไม่ได้ ชีวิตและลมหายใจของเขาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เมืองหลวง เขาจะไม่ทอดทิ้งความฝันของเขาไปเป็นอันขาด…คุณพิทักษ์และวรรณภาเริ่มโอนอ่อน และเข้าใจในความรู้สึกของลูกชาย

โอม หน่อย เอ้ เล็ก ตึ๋ง และสามสาวนางฟ้าชาลี ช่วยกันคิดวางแผนดำเนินกิจการร่วมกันได้สำเร็จ กิจการนี้จะเป็นของทุกๆคน เอากำไรน้อย ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้ยืนยาวชั่วลูกชั่วหลาน…

"หาดหรรษา"…สถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้อิงแอบกับธรรมชาติอย่างที่สุด ที่นี่…หาดทรายสะอาด น้ำทะเลใส…มีร้านอาหารที่ใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค…มีนวดแผนโบราณชั้นเยี่ยม…มีกีฬาทางน้ำที่สนุกสนาน ปลอดภัย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม…มีบริการดูแลสุขภาพเส้นผมที่ไม่ใช่ถักเปียลูกปัดแฟชั่นอย่างเดียว…มีเครื่องดื่มสมุนไพร…ห้องพักสะอาดสวยเก๋มีดีไซน์และนานาบริการที่สรรหามาเอาอกเอาใจนักท่องเที่ยว…สุขทั้งเจ้าบ้าน และผู้มาเยือน